ค่า Maintenance Factor ของโคมhigh bay led
ทำไมhigh bay ในโรงงาน โกดัง หรือสนามกีฬาบางแห่ง พอใช้ไปสักพัก ความสว่างมันดูไม่เหมือนเดิม? จากที่เคยสว่างจ้า ตอนนี้กลับดูมัวๆ ลงไปเยอะ ทั้งๆ ที่หลอดไฟก็ยังติดอยู่ สิ่งนี้แหละเป็นผลมาจาก”ค่า Maintenance Factor” แล้วมันคืออะไร ทำไมมันถึงสำคัญ และจะนำไปใช้ในการเลือกโคมไฮเบย์ให้เหมาะสมได้ยังไง? มาดูกันให้เข้าใจเลยดีกว่า
ค่า Maintenance Factor คืออะไร?
Maintenance Factor (MF) คือตัวเลขที่บอกว่า เมื่อเวลาผ่านไป แสงสว่างจากหลอดไฟที่ติดตั้งไป จะลดลงไปกี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ คิดง่าย ๆ คือ เป็นตัวช่วยคำนวณว่าโคมไฟไฮเบย์ของคุณจะยังสว่างเหมือนวันแรกที่ติดตั้งหรือไม่ โดยค่า MF มีค่าระหว่าง 0 ถึง 1 ซึ่งยิ่งใกล้ 1 มากเท่าไหร่ หมายความว่าโคมไฟนั้นรักษาความสว่างได้ดีกว่า
พูดง่ายๆ คือ เป็น ค่าเสื่อมของแสงสว่าง นั่นเอง ปัจจัยที่ทำให้แสงลดลงมีหลายอย่างมาก และส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของ โคมไฮเบย์ ในระยะยาว
ตัวอย่างเช่น ถ้าโคมไฮเบย์มีค่า MF = 0.8 หมายความว่าเมื่อเวลาผ่านไป แสงจากโคมไฟจะเหลือประมาณ 80% ของความสว่างเดิม เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ฝุ่นเกาะ ความเสื่อมของหลอดไฟ หรือเลนส์ที่ขุ่นมัว
ทำไมค่า MF ถึงสำคัญกับโคมไฮเบย์?
โคมhigh bay led มักถูกใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่และมีความสูง เช่น โรงงาน โกดัง คลังสินค้า ศูนย์การค้าใหญ่ๆ หรือแม้แต่โรงยิม สนามกีฬาในร่ม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างที่สม่ำเสมอและเพียงพอต่อการทำงาน ถ้าแสงสว่างลดลงมากเกินไป จะส่งผลกระทบหลายอย่าง เช่น
- ด้านความปลอดภัย: มองเห็นสิ่งกีดขวางไม่ชัดเจน เสี่ยงต่ออุบัติเหตุในสายพานการผลิตหรือพื้นที่จัดเก็บ
- ประสิทธิภาพการทำงาน: พนักงานทำงานลำบากขึ้น อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย
- ความเมื่อยล้าทางสายตา: ต้องเพ่งมองในที่แสงน้อยเป็นเวลานาน ทำให้สายตาทำงานหนัก ล้าเร็ว
- คุณภาพสินค้า/บริการ: หากทำงานที่ต้องใช้ความละเอียด แต่แสงไม่พอ อาจทำให้งานออกมาไม่ดี
- ค่าใช้จ่ายแฝง: ต้องเปิดไฟนานขึ้นเพื่อให้ได้ความสว่างเท่าเดิม หรือต้องเปลี่ยนหลอดไฟบ่อยขึ้น
เราถึงต้องคำนึงถึง Maintenance Factor ของโคมไฮเบย์ ตั้งแต่แรกเริ่มออกแบบระบบแสงสว่าง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลย
การคำนวณ Maintenance Factor
การคำนวณค่า MF อาจดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วมันประกอบด้วยส่วนย่อย ๆ ดังนี้
- Luminaire Maintenance Factor (LMF): ค่าที่บ่งบอกถึงการลดลงของแสงสว่างจากตัวโคม เช่น ฝุ่นเกาะเลนส์
- Lamp Lumen Maintenance Factor (LLMF): ค่าที่บ่งบอกถึงการเสื่อมสภาพของหลอดไฟเมื่อใช้งานไปนาน ๆ
- Room Surface Maintenance Factor (RSMF): ค่าที่บ่งบอกถึงการสะท้อนแสงของพื้นผิวในห้อง เช่น ผนังหรือเพดานที่สกปรกจะลดการสะท้อนแสง
- Lamp Survival Factor (LSF): ค่าที่บ่งบอกถึงโอกาสที่หลอดไฟจะยังทำงานได้ดีเมื่อถึงอายุที่กำหนด
สูตรคือ
| MF = LMF × LLMF × RSMF × LSF
ตัวอย่าง: ถ้า LMF = 0.95, LLMF = 0.90, RSMF = 0.98 และ LSF = 0.99
MF = 0.95 × 0.90 × 0.98 × 0.99 = 0.826
ค่า MF ที่ได้คือ 0.826 หมายความว่าแสงสว่างจะเหลือ 82.6% จากเดิมเมื่อใช้งานไปตามระยะเวลาที่กำหนด
- หากไม่เผื่อ MF (Maintenance Factor) ในการออกแบบแสงสว่าง เช่น ต้องการความสว่าง 300 Lux ในโรงงาน
กรณีไม่เผื่อ MF (MF = 1): ติดตั้งโคมไฮเบย์ให้แสง 300 Lux ในตอนเริ่มต้น พอผ่านไป 1-2 ปี ฝุ่นเกาะหรือชิปเสื่อม (สมมติ MF ลดเหลือ 0.8) แสงจะลดลงเหลือ 240 Lux (มืดกว่าที่ต้องการ 20%) อาจต้องเพิ่มโคมใหม่ (เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม) หรือทนใช้แสงที่ไม่เพียงพอ
- กรณีเผื่อ MF (เช่น MF = 0.8): ออกแบบให้แสงเริ่มต้นที่ 375 Lux (300 / 0.8) เมื่อแสงเสื่อม 20% (เหลือ 300 Lux) ความสว่างยังคงได้ตามเป้า 300 Lux ช่วยรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว
การเผื่อ MF ช่วยให้แสงสว่างคงที่ตามเป้าหมาย แม้จะมีปัจจัยเสื่อมสภาพ หลีกเลี่ยงปัญหาการเพิ่มโคมหรือแสงไม่เพียงพอ ลดค่าใช้จ่ายและรักษาคุณภาพแสงในระยะยาว
เลือกค่า Maintenance Factor อย่างไรให้เหมาะสมกับโคมไฮเบย์?
การเลือกค่า MF สิ่งสำคัญในการออกแบบระบบแสงสว่างของโรงงานหรือโกดังใหม่ วิศวกรแสงสว่างหรือผู้เชี่ยวชาญจะใช้ค่านี้ในการคำนวณจำนวนโคมไฮเบย์ และกำลังวัตต์ที่ต้องใช้ เพื่อให้ได้ความสว่างตามเป้าหมาย (ค่า Lux) ตลอดอายุการใช้งานที่กำหนด
ค่า MF ยิ่งต่ำ: หมายความว่าแสงจะเสื่อมลงไปเยอะ (สภาพแวดล้อมแย่/ไม่ค่อยบำรุงรักษา) ทำให้ต้องติดตั้ง โคมไฮเบย์ ที่มีกำลังวัตต์สูงขึ้น หรือใช้จำนวนโคมที่มากขึ้น เพื่อเผื่อให้ความสว่างเพียงพอในอนาคต ซึ่งแปลว่าจ่ายแพงตั้งแต่ตอนแรก
ค่า MF ยิ่งสูง (ใกล้ 1): หมายความว่าแสงจะเสื่อมน้อย (สภาพแวดล้อมดี/บำรุงรักษาดี) ทำให้ใช้ โคมไฮเบย์ ที่มีกำลังวัตต์ต่ำลง หรือใช้จำนวนโคมน้อยลงได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
โดยทั่วไป ค่า MF ของโคมไฮเบย์ จะอยู่ระหว่าง 0.7 ถึง 0.9 ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้
สภาพแวดล้อมของโรงงาน
โรงงานสะอาด/ออฟฟิศ/โกดังเก็บสินค้าสะอาด: อาจใช้ค่า MF ที่สูงขึ้น เช่น 0.85 – 0.9
โรงงานผลิตทั่วไป/โกดังที่มีฝุ่นปานกลาง: อาจใช้ค่า MF ประมาณ 0.8 – 0.85
โรงงานที่มีฝุ่นมาก/ควัน/ไอน้ำมัน (เช่น โรงงานเหล็ก โรงหล่อ): ควรใช้ค่า MF ที่ต่ำลง เช่น 0.7 – 0.75 เพื่อเผื่อความสว่างที่ลดลงอย่างรวดเร็วจากการสะสมของฝุ่นและคราบสกปรก
แผนการบำรุงรักษา
มีการทำความสะอาดโคมไฟเป็นประจำ: สามารถใช้ค่า MF สูงขึ้นได้
ไม่มีแผนการบำรุงรักษา/ทำความสะอาด: ควรใช้ค่า MF ต่ำลง
คุณภาพของโคมไฮเบย์ LED
โคมไฮเบย์ LED คุณภาพสูง: มีการระบายความร้อนที่ดี ชิป LED มีคุณภาพสูง การเสื่อมของแสงจะน้อยกว่า สามารถใช้ค่า MF สูงขึ้นได้
โคมไฮเบย์ LED คุณภาพทั่วไป: อาจเสื่อมเร็วกว่า ควรใช้ค่า MF ต่ำลง
สรุป
การเข้าใจและให้ความสำคัญกับ ค่า Maintenance Factor หรือค่าMF ของโคมไฮเบย์LED เป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความปลอดภัย และการประหยัดค่าใช้จ่าย ในระยะยาวของอุตสาหกรรม การเลือกใช้ โคมไฮเบย์ LED ที่มีคุณภาพดี มีการระบายความร้อนที่เหมาะสม และมีการคำนวณค่า MF ที่ถูกต้องตั้งแต่แรก จะช่วยให้ระบบแสงสว่างในโรงงาน โกดัง หรือคลังสินค้าสว่างสดใสไปได้ยาวๆ ไม่ต้องมานั่งกังวลกับปัญหาไฟหรี่ แสงไม่พอ หรือต้องเสียเงินบำรุงรักษาเกินความจำเป็นในอนาคต
เลือกโคมไฮเบย์LED เลือกใช้ ENRICHYOURLIGHT ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์แสงสว่าง แบรนด์โคมไฟ ไฮเบย์ หลอดไฟLED คุณภาพ โซล่าเซลล์ และเสาไฟ สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมที่ LINE Official Account:@enrichlighting หรือ Facebook: https://www.facebook.com/enrichled